การจัดการความเสี่ยงทางธุรกิจ
อุ้ยเสี่ยวมินเขียน
20 เม.ย.2010 กลางอ่าวเม็กซิโก แท่นขุดเจาะน้ำมันบริษัทน้ำมันBP มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน11คน ผู้บาดเจ็บ17คน แท่นขุดเจาะดำดิ่งสู่เบื้องลึก มีการรั่วไหลของน้ำมันในพื้นที่5มลรัฐ มีระยะทาง1,770 กิโลเมตร
บริษัทต้องเสียเงินซ่อมแซมแท่นขุดเจาะน้ำมัน และค่าจัดการคราบน้ำมันให้แก่มลรัฐต่างๆ จำนวนเงินสูงมากกว่า7แสนล้าน หุ้นบริษัทดิ่งเหวอย่างหนักแทบจะล้มละลาย แต่โชคดีBP คำนึงถึงความเสี่ยงทางธุรกิจมีทำประกันภัย บริษัทจึงผ่านสถานการณ์ร้ายมาได้
การจัดการความเสี่ยงทางธุรกิจคือ การจัดการความไม่แน่นอนของเหตุการณ์ ซึ่งอาจสร้างความเสียหายแก่ผู้ประกอบการ เสี่ยงต่อภาวะขาดทุนจึงต้องมีการวางแผนป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
องค์กรใหญ่ มีคณะกรรมการจัดการความเสี่ยงมีแผนงานป้องกันความเสี่ยง ดูแนวโน้มเทคโนโลยี ข่าวสารทางการเมือง แผนขั้นตอนซ้อมภัยพิบัติ สภาพดินฟ้าอากาศ แผนพัฒนาบุคคล ขีดความสามารถของตนเองและคู่แข่ง
ซึ่งขั้นตอนวางแผนป้องกันความเสี่ยงคือ การวิเคราะห์ตัวแปรที่อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อการดำเนินการของตนเอง เป็นความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นเมื่อไม่ได้ทำการป้องกัน ได้แก่
1. ทรัพย์สินเช่น กำไรลดลง ผลประกอบการขาดทุน การทุจริต
2. ภาพลักษณ์องค์กร ได้รับการยอมรับหรือไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม
3. ผลกระทบการหยุดดำเนินงานเช่น อุปกรณ์เสียหาย สินค้าขาดตลาด ขีดความสามารถของตนเองลดลง
4. ทรัพยากรมนุษย์เช่น การขาดแคลนกำลังคน ประสิทธิภาพพนักงาน ขวัญกำลังใจพนักงาน
5. ความปลอดภัยเช่น ประสิทธิภาพเครื่องจักร ป้ายเตือนภัย อุปกรณ์ความปลอดภัย การฝึกอบรมความปลอดภัยให้พนักงาน มาตรการแก้ไขเมื่อเกิดภาวะฉุกเฉิน
6. ข่าวสารเช่น สถานการณ์บ้านเมือง แนวโน้มเทคโนโลยี คู่แข่งขัน กฎหมาย
โดยการจัดการความเสี่ยงมีเกณฑ์ระดับขั้นความรุนแรงเพื่อวัดผล ได้แก่ โอกาสในการเกิดเช่น บ่อยมาก บ่อย บางครั้ง นานๆครั้ง เกิดขึ้นได้ยาก
ผลกระทบเช่น รุนแรงมาก ค่อนข้างรุนแรง ปานกลาง เล็กน้อย น้อยมาก ซึ่งเมื่อเกิดความเสี่ยงมีจำเป็นตัองตัดสินใจ โดยพิจารณา ดังนี้
หลีกเลี่ยง หยุดการกระทำที่เกิดความเสี่ยงให้คนมีความสามารถจัดการเช่น
ใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
2. ลดความเสี่ยง ลดโอกาสที่อาจเกิดขึ้น ลดผลกระทบที่เกิดขึ้น จัดระบบป้องกัน และค้นหาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
3. การกระจายความเสี่ยงโดยหาผู้รับผิดชอบความเสี่ยง เช่น การทำประกันภัย การทำประกันชีวิต การกระจายการลงทุน
4. ยอมรับความเสี่ยง โดยพิจารณาแล้วว่าตนเองมีขีดความสามารถในการจัดการแก้ปัญหา เป็นผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ (มีความเสียหายไม่มาก)
บางคนว่าเป็นเรื่องขององค์กรขนาดใหญ่ซึ่งทำกัน หลักการก็ยุ่งยาก แต่ความเสียหายก็สามารถเกิดขึ้นกับตัวเรา จึงมีวิธีการอย่างง่ายใช้หลัก SWOT ดังนี้
S (Strengths ) จุดแข็ง คือสำรวจจุดเด่น ข้อได้เปรียบ ความต่างจากผู้อื่น สามารถทำให้เราเติบโต มีกำไร
W (Weaknesses) จุดอ่อน คือ ข้อเสียซึ่งส่งผลกระทบในการการเติบโตขององค์กร เช่น อารมณ์ ปัญหาทางการเงิน เครื่องจักร ทรัพยากรบุคคล การจัดการที่ขาดประสิทธิภาพ ความประมาทของผู้บริหาร ฯลฯ
O (Opportunities) โอกาส คือ ความเป็นไปได้ที่สามารถขายตัวตน ความสามารถ สินค้า โดยการติดตามข่าวสารความเป็นไปทางสังคม เทคโนโลยี
T (Threats) อุปสรรค คือ เงื่อนไขจากสิ่งแวดล้อมภายนอกที่อาจส่งผลต่อการดำเนินงานมีความเสี่ยงที่ทำให้องค์กรเสียหาย จึงต้องหาแนวทางป้องกันความเสียหายล่วงหน้า โดยการสังเกตจาก คู่แข่งธุรกิจ สภาพเศรษฐกิจ สภาพความวุ่นวายทางสังคม ความไม่แน่นอนของราคาน้ำมัน เทคโนโลยีที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ
ความเสี่ยงเป็นความไม่แน่นอน จึงควรหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการดำเนินงาน เมื่อเกิดความเสี่ยงแล้วต้องตัดสินใจเลือกสิ่งที่เสียหายกับองค์กรให้น้อยที่สุด
สิ่งที่เป็นความเสี่ยงที่สุดสำหรับตนเองคือ ความประมาทเป็นสาเหตุให้ตนเองเดือดร้อน การไม่พัฒนาตนจะไม่เห็นแนวทางแก้ปัญหา การไม่แบ่งปันเมื่อยามมีภัยจะไม่มีคนช่วยแก้ปัญหา และยามเกิดปัญหา สติคือการรับรู้สถานการณ์เพื่อการตัดสินใจอย่างท่วงที
หน้าที่เข้าชม | 82,975 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 47,246 ครั้ง |
เปิดร้าน | 5 ธ.ค. 2560 |
ร้านค้าอัพเดท | 26 มิ.ย. 2568 |